
9 เทศกาลน่าไป เมื่อไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ในเดือนธันวาคม
สำหรับเดือนธันวาคม สภาพอากาศในประเทศญี่ปุ่น ก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว ทางเหนือของญี่ปุ่น เกาะฮอกไกโด หิมะจะเริ่มตก ส่วนในโตเกียว อากาศเย็น อุณหภูมิเลขตัวเดียว และต้นไม้บางต้น ยังคงมีสีแดง สีเหลือง ส่งท้ายฤดูใบไม้ร่วง ได้อย่างงดงาม ควรพกเสื้อกันหนาวหนาๆ เสื้อโค้ท ไปให้ครบครัน ลมพัดที สั่นสะท้านไปยั้นขั้วหัวใจเลยจ้าาาา อากาศจะแห้งๆ หากได้ซดราเมนร้อนๆ คงจะฟิน เดือนธันวาคม เป็นเดือนส่งท้ายปี แถมยังได้เฉลิมฉลองวันคริสต์มาส และวันปีใหม่อีกด้วย ทำให้หลายๆ ที่ ในเมืองจะประดับประดาไปด้วยไฟหลากสีสัน ต้นคริสต์มาสสวยๆ ได้บรรยากาศโรแมนติก อีกทั้งยังมีกิจกรรม เทศกาลต่างๆ ให้คุณได้เข้าร่วม อินไปกับบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่น เทศกาลดั้งเดิม ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม เช็คอินชิลล์ จึงนำกิจกรรมและเทศกาลในช่วงเดือนธันวาคม ที่คุณสามารถใส่เข้าไปในแพลนท่องเที่ยวของคุณได้เลย
**เนื่องด้วยสถานการณ์ โควิด-19 บางเทศกาลอาจจะถูกยกเลิกการจัดงาน ควรเช็ครายละเอียดให้ดี บน official websites ของเทศกาลนั้นๆ ก่อน ที่จะวางแผน
เทศกาลประดับไฟ ห้างคาเรทต้า ชิโอโดเมะ
ชื่อเทศกาล ภาษาอังกฤษ : Caretta Shiodome Winter Illumination 2022
วันจัดงาน : วันที่ 15 พฤศจิกายน – วันที่ 25 ธันวาคม 2022 **รอคอนเฟิร์ม**
สถานที่ : ห้างคาเรทต้า ชิโอโดเมะ (Caretta Shiodome),ย่านชิโอโดเมะ แขวงมินาโตะ กรุงโตเกียว
การเดินทาง : JR Ueno Tokyo Line หรือ Yamanote Line ลงสถานี Shimbashi, Toei Oedo Line ลงสถานี Shiodome
ห้างคาเรทต้า ชิโอโดเมะ เป็นแหล่งช็อปปิ้ง และศูนย์อาหาร ในย่านชิโอโดเมะ แขวงมินาโตะ ภายในห้าง มีร้านอาหาร ชั้นที่ 46 ที่สามารถเห็นวิวของกรุงโตเกียวได้อย่างสวยงาม ทั้งโตเกียวสกายทรี, โตเกียวทาวเวอร์, สะพานสายรุ้ง, โอไดบะ,ชินจูกุ, พระราชวังอิมพิเรียล และอ่าวโตเกียว สามารถขึ้นชมวิวได้ฟรีที่ชั้น 46 แต่เป็นเพียงแค่จุดชมวิวเล็กๆ หากต้องการดื่มด่ำบรรยากาศของโตเกียวในยามค่ำคืนอย่างเต็มที่ ต้องไปยังร้านอาหาร Sky Restaurant บริการอาหารแสนอร่อย (ต้องเสียเงินรับประทาน) พร้อมวิวที่ยอดเยี่ยมของโตเกียว ซึ่งแต่ละร้าน มีวิวที่ไม่เหมือนกัน
นอกจากแหล่งช็อปปิ้ง และร้านอาหารแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์โฆษณา ที่อุทิศให้กับการโฆษณาและการตลาดของญี่ปุ่น, โรงละคร, ปะติมากรรมต่างๆ ห้างนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของการประดับไฟ ในช่วงฤดูหนาว ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงคริสต์มาส เป็นการประดับไฟคริสต์มาส บริเวณหน้าห้าง ที่มีความสวยงาม อลังการ แสงไฟส่องสว่างในคอนกลางคืน ท่ามกลางอากาศหนาว โรแมนติกสุดๆ ใครๆ เห็นก็ต้องแวะถ่ายรูป ถือเป็นมาร์คสปอตที่ควรไปในช่วงนั้นเลยนะ
เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง ถนนอินุอิ
ชื่อเทศกาล ภาษาอังกฤษ : Autumn Public Opening of Inui Street 2022
วันจัดงาน : วันที่ 28 พฤศจิกายน – วันที่ 6 ธันวาคม 2022 **รอคอนเฟิร์ม**
เว็บไซต์เทศกาล : kunaicho.go.jp/e-event/inui.html
สถานที่ : ประตูซากะชิตะ พระราชวังอิมพิเรียล (Sakashita-mon Gate), แขวงชิโยดะ กรุงโตเกียว
การเดินทาง : JR Yamanote Line หรือ Ueno-Tokyo Line หรือ Keihin-Tohoku Line ลงสถานี Tokyo , Tokyo Metro Marunouchi Line ลงสถานี Tokyo , Tokyo Metro Chiyoda Line ลงสถานี Nijubashimae
เมื่อถนนอินุอิ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรในพระราชวังอิมพิเรียล เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม ซึ่งจะเกิดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรก คือ ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน เป็นช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง และครั้งที่สองคือ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคม ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่จะมีใบไม้เปลี่ยนสี จากสีเขียว เป็นสีน้ำตาล แดง และเหลือง สร้างความสวยงาม ด้วยฉากหลังพระราชวังอิมพีเรียล งดงามราวกับภาพวาด
การชมจะเริ่มจากประตูซากะชิตะ (Sakashita-mon Gate) ไปจนถึงประตูอินุอิ (Inui-mon Gate) ทางเหนือของพระราชวัง หรือเลือกออกที่ประตู Ote-mon Gate เพื่อไปยังสวนนิโนะมารุ (Ninomaru Garden) ทางตะวันออกของพระราชวังได้ โดยเดินเลี้ยวขวาจากประตูนิชิฮาเนะบาชิ (Nishihanebashi-mon Gate) เนื่องจากถนนอยู่ในเขตพระราชวัง ควรแต่งกายสุภาพ และมีการรักษาความปลอดภัย เปิดบริการ 09.00 – 15.30 น. ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเข้าชม ในช่วงสุดสัปดาห์ อาจมีผู้เข้าชมมาก อาจต้องรอคิวเป็นเวลานาน ควรเช็คเวลาให้ดี
เทศกาลกลางคืน จิจิบุ
ชื่อเทศกาล ภาษาอังกฤษ : Chichibu Night Festival 2022
วันจัดงาน : วันที่ 2 – 3 ธันวาคม 2022 **รอคอนเฟิร์ม**
เว็บไซต์เทศกาล : chichibu-matsuri.jp/en
สถานที่ : ศาลเจ้าจิจิบุ (Chichibu Shrine), เมืองจิจิบุ จังหวัดไซตามะ
การเดินทาง : เริ่มจากสถานี Ikebukuro ขึ้น Seibu Ikebukuro Line ลงสถานี Hanno แล้วเปลี่ยนสายรถไฟ Seibu Chichibu Line ลงสถานี Seibu-Chichibu แล้วเปลี่ยนสายรถไฟอีกรอบ Chichibu Railway Main Line ขึ้นที่สถานี Ohanabatake ลงสถานี Chichibu
หนึ่งในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคคันโต จัดขึ้นทุกวันที่ 2 และ 3 ธันวาคม ของทุกปี ในเมืองจิจิบุ จังหวัดไซตามะ เทศกาลที่มีขบวนรถแห่ เฉลิมฉลองไปทั่วเมือง เต็มไปด้วยสีสัน และดอกไม้ไฟ รถแห่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม และหรูหรา โดยรถแห่มี 2 แบบ คือ ยะไต และคาสะโบโกะ บนยะไต จะมีพิธีกรรมบนรถแห่ ทั้งเต้นรำและการแสดงละครคาบูกิ ที่แสดงโดยเด็กๆ ในท้องถิ่น มาพร้อมเสียงกลองไทโกะ ขลุ่ย และเครื่องดนตรีพื้นบ้าน ความไม่ธรรมดาของรถแห่คือ จะมีการเคลื่อนที่อย่างทรงพลัง เพราะต้องขึ้นเนินสูงชัน และมีจังหวะเปลี่ยนทิศทางรถแห่ ด้วยเทคนิคที่รวดเร็ว สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เข้าร่วมชมไม่ใช่น้อย
งานวันที่ 2 จะค่ำคืนก่อนเทศกาลหลัก และงานวันที่ 3 เป็นวันเทศกาลหลัก ไฮไลท์สำคัญของงาน คือ ในช่วงกลางคืน รถแห่จะประดับประดาไปด้วยโคมไฟ และมีมิโกะชิจากศาลเจ้าจิจิบุ ถูกแห่ไปยังสวนจิจิบุ เมื่อขบวนแห่มาถึง จะมีการจุดดอกไม้ สร้างสีสันสวยงามบนท้องฟ้ายามค่ำคืนในฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีแผงขายอาหารมากมาย อาหารญี่ปุ่นหลายๆ ประเภท ทั้งปลาแม่น้ำ เนื้อทอด ไปจนถึงยากิโซบะ กล้วยราดช็อกโกแลต รับรองว่า อิ่มจนจุก แนะนำให้รับประทานอาหารก่อนไปชมขบวนแห่นะ เพราะเดี๋ยวจะไม่มีเวลามาทานเลยล่ะ
เทศกาลดอกไม้ไฟสายรุ้ง โอไดบะ 2022
ชื่อเทศกาล ภาษาอังกฤษ : Odaiba Rainbow Fireworks 2022
วันจัดงาน : วันเสาร์ที่ 3, 10, 17 และ 24 ธันวาคม 2022 **รอคอนเฟิร์ม**
สถานที่ : สวนริมทะเลโอไดบะ (Odaiba Seaside Park), แขวงมินาโตะ กรุงโตเกียว
การเดินทาง : JR Yamanote Line หรือ Ueno-Tokyo Line ลงสถานี Shimbashi ต่อด้วยรถไฟไร้คนขับ Yurikamome Shimbashi Station ลงสถานี Odaiba-kaihinkōen
เทศกาลดอกไม้ไฟสายรุ้ง โอไดบะ เป็นเทศกาลประจำปีที่สวนริมทะเลโอไดบะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกไม้ไฟที่ดีที่สุดของโตเกียว สำหรับเทศกาลนี้ จัดขึ้นในช่วงฤดูหนาว ทุกวันเสาร์ของเดือนธันวาคม พบกับดอกไม้ไฟ ที่มาสร้างสีสันยามค่ำคืน แสงไฟที่ชวนให้นึกถึงคริสต์มาส ที่เปลี่ยนโอไดบะให้เป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งจินตนาการ คุณจะได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยม สวยงามทั้งดอกไม้ไฟ และสะพานสายรุ้ง โดยพลุจะเริ่มแสดงในเวลา 19.00 น. ใช้เวลาแสดง 10 นาที เท่านั้น
นอกจากสวนริมทะเลโอไดบะแล้ว ยังมีจุดอื่นๆ ที่สามารถชมดอกไม้ไฟได้ คือ สะพานทาสึมิ ซากุระ (Tastumi Sakura Bridge), ศูนย์กีฬาอาริอาเกะ (Ariake Sports Center), ทิศเหนือของสวนชิโอกาเซะ (Shiokaze Park) และบริเวณสถานีชินางะวะ (Shinagawa Station) ใครที่อยากชมดอกไม้ไฟสวยๆ สัมผัสความโรแมนติกของแสงสีรุ้งจากพลุในย่ามค่ำคืน พร้อมรับลมหนาว ช่างเป็นประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืมเลยล่ะ
เทศกาลประดับไฟ เมืองโกเบ 2022
ชื่อเทศกาล ภาษาอังกฤษ : Kobe Luminarie 2022
วันจัดงาน : วันที่ 6 – 15 ธันวาคม 2022 **รอคอนเฟิร์ม**
เว็บไซต์เทศกาล : kobe-luminarie.jp
สถานที่ : บริเวณสวนฮิกาชิ ยูเอ็นจิ (Higashi Yuenchi Park), เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ
การเดินทาง : หากมาจากสถานี Osaka ขึ้น JR Kobe Line ลงสถานี Motomachi, Kobe Subway Kaigan Line ลงสถานี Kyukyoryuchi-Daimarumae
เทศกาลประดับไฟ เมืองโกเบ เป็นเทศกาลประจำปี ครั้งที่ 25 จัดขึ้นในเมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ เกิดทุกเดือนธันวาคม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 จนถึงปัจจุบัน เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ฮันชิน ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวร้ายแรงที่สุดในรอบ 72 ปี ขนาด 6.8 ริกเตอร์ ลึกลงไปใต้ผิวโลก 16 กิโลเมตร จุดเหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่บริเวณเกาะอาวาจิ ที่อยู่ห่างจากเมืองโกเบเพียง 20 กิโลเมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 6,434 คน ในจำนวนนี้ประมาณ 4,600 คน มาจากโกเบ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด บ้านเรือนเสียหายพังทลายกว่า 2 แสนหลัง โครงสร้างทางด่วนสายฮันชินพังล้มลงมากว่า 1 กิโลเมตร และปั้นจั่นของท่าเรือเสียหายเป็นร้อย มูลค่าความเสียหายทั้งหมดราวๆ 10 ล้านล้านเยน
เมื่อเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ฮันชิน ในวันที่ 17 มกราคม 1995 ทำให้ผู้ประสบภัยต้องอยู่ในความมืดมิด ขาดไฟฟ้า น้ำประปา แก๊ส และน้ำสะอาดเพื่อดื่ม ก่อให้เกิดความคิดในการจัดแสดงไฟ เพื่อทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง การฟื้นฟู และการซ่อมแซม แม้ว่างานนี้ ควรจัดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่ความนิยมและความต้องการของประชาชน จึงทำให้กลายเป็นงานประจำปีไปโดยปริยาย
สำหรับเทศกาลนี้ หลอดไฟในงาน รัฐบาลอิตาลี เป็นผู้บริจาค และทำการติดตั้งให้ ผลิตโดย Valerio Festi และ Hirokazu Imaoka เป็นไฟมากกว่า 200,000 ดวง ที่ถูกเพนท์ด้วยมือ หลอดไฟใช้แสงสว่างจากไฟฟ้าที่ผลิตจากชีวมวล เพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยงานจะจัดขึ้น 10 วัน และเปิดในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ในช่วงเย็น ถนนสายหลักจะทำการปิดการจราจร บริเวณถนนหน้า Former Kobe Foreign Settlement ไปจนถึงสวนฮิกาชิ ยูเอ็นจิ [Kobe East Park (Higashi Yūenchi)] เพื่อให้คนสามารถเดินชม และเพลิดเพลินไปกับแสงไฟอันสวยงาม ในแต่ล่ะปี มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากกว่า 4 ล้านคน
เทศกาลประดับโคมไฟ อาราชิยาม่า ฮานะโทโระ
ชื่อเทศกาล ภาษาอังกฤษ : Kyoto Arashiyama Hanatouro 2022
วันจัดงาน : วันที่ 11 – 20 ธันวาคม 2022 **รอคอนเฟิร์ม**
เว็บไซต์เทศกาล : hanatouro.kyoto.travel
สถานที่ : สะพานโทเงะสึเคียว (Togetsukyo Bridge) และป่าไผ่อาราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Forest), เมืองอาราชิยาม่า จังหวัดเกียวโต
การเดินทาง :
- สะพานโทเงะสึเคียว – เริ่มจากสถานี Shijo-Omiya (ใจกลางเกียวโต) ขึ้น Keifuku (Randen) Arashiyama Line ลงสถานี Arashiyama แล้วเดิน 3 นาที (ใกล้กว่า), JR Sanin Main Line หรือ Sagano Line ลงสถานี Saga-Arashiyama เดินต่ออีก 850 เมตร
- ป่าไผ่อาราชิยาม่า – JR Sanin Main Line หรือ Sagano Line ลงสถานี Torokko Arashiyama
เทศกาลประดับโคมไฟ อาราชิยาม่า ฮานะโทโระ เป็นเทศกาลที่ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ ริมน้ำ ป่าไผ่ และทรัพย์สินทางประวัติศาสตร์ ในย่านซากะ-อาราชิยาม่า มีทางเดินรวมประมาณ 5 กิโลเมตร โดยเทศกาลนี้จะประดับประดาไฟกลางแจ้ง ทำให้เกิดแสง และเงา ให้ความรู้สึกของญี่ปุ่น มีการจัดดอกไม้มากมาย เพื่อสร้างบรรยากาศเดินท่ามกลางธรรมชาติ จนเป็นเส้นทางแห่งแสงและดอกไม้ ด้วยความร่วมมือจากสมาคมเกียวโต อิเคบานะ
ที่บริเวณสะพานโทเงะสึเคียว จะส่องสว่างท่ามกลางความมืด ทั้งเชิงเขา และริมน้ำ ฟังเสียงสายน้ำไหลผ่าน ชมความสวยงามของแสงไฟ และใบไม้เปลี่ยนสี ช่างเป็นฉากที่สวยงามตระการตา รวมถึงป่าไผ่อาราชิยาม่า สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเกียวโต ทางเดินทั้งสองข้าง จะส่องสว่างไปด้วยแสงไฟ มองเห็นต้นไผ่สูงถึงยอด สีเขียวนวล จากศาลเจ้าโนโนมิยะ ถึงวิลล่าโอโคชิซันโซ เป็นฉากที่สวยงามแปลกตา เหมาะแก่การไปเดินเล่น รับลมหนาว สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงาม เวลาเปิดไฟ คือ เวลา 17.00 – 20.30 น.
ตลาดนัดเซตะกายะ โบโรอิจิ
ชื่อเทศกาล ภาษาอังกฤษ : Setagaya Boro-ichi (Flea Market)
วันจัดงาน : วันที่ 15 – 16 ธันวาคม 2022 **รอคอนเฟิร์ม**
เว็บไซต์เทศกาล : tokyo-cci.or.jp/setagaya/boroich
สถานที่ : บริเวณถนนโบโรอิจิ (Boro-ichi Street) ,แขวงเซตางายะ กรุงโตเกียว
การเดินทาง : Tokyu Setagaya Line ลงสถานี Setagaya หรือ Kamimachi
ตลาดนัดเซตะกายะ โบโรอิจิ จัดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1578 ในปัจจุบันได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่า เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมพื้นบ้านที่จับต้องไม่ได้ของโตเกียว คำว่า โบโร ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า เศษผ้า สมัยก่อนเป็นตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเศษผ้าและสิ่งทอ เดิมทีเป็นตลาดเสรีในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 ซึ่งอนุญาตให้ค้าขายแบบปลอดภาษี เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ จัดขึ้น 6 ครั้งต่อเดือน ตลาดจึงเป็นจุดนัดพบสำคัญของพ่อค้าในสมัยเอโดะ ในปัจจุบันตลาดจัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น
ในตลาดจะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย ประมาณ 700 ร้านค้า จำหน่ายสินค้าหลากหลาย ตั้แต่ของใช้ประจำวัน ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ของเล่น ต้นไม้ เสื้อผ้ามือสอง และของเก่า จำนวนมาก อีกทั้งคุณจะได้สัมผัสกับสตรีทฟู้ดมากมาย พบกับแผงขายอาหารต่างๆ ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลิน ที่สำคัญห้ามลืมทาน Daikan Mochi โมจิที่เป็นเอกลักษณ์ของตลาด
เทศกาลไม้ตีขนไก่โบราณ
ชื่อเทศกาล ภาษาอังกฤษ : Hagoita Ichi 2022
วันจัดงาน : วันที่ 17 – 19 ธันวาคม 2022
สถานที่ : วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) ,ย่านอาซากุสะ แขวงไทโต กรุงโตเกียว
การเดินทาง : Tokyo Metro Ginza Line หรือ Toei Asakusa Line หรือ Tobu Sky Tree Line ทั้ง 3 สาย ลงสถานี Asakusa, Tsukuba Express ลงสถานี Asakusa (สถานีนี้จะอยู่อีกฝั่ง)
เทศกาลประจำปีของวัดเซนโซจิ วัดที่เก่าแก่ที่สุดของโตเกียว กับเทศกาลไม้ตีขนไก่โบราณ บริเวณรอบๆ วัด จะเต็มไปด้วยแผงขายไม้ตีขนไก่โบราณ มากกว่า 50 แผง ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ฮาโกอิตะ (Hagoita) เป็นไม้พายรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ประดับตกแต่งด้วยรูปนักแสดงคาบูกิ ใช้ในเกมส์แบบดั้งเดิม เล่นเพื่อฉลองปีใหม่ ที่เรียกว่า ฮาเนะสึกิ (Hanetsuki) มันคล้ายแบดมินตัน
ในปัจจุบัน จะถูกตกแต่งด้วย คนดัง ดารา นักแสดง นักกีฬา แม้กระทั่งตัวการ์ตูน เชื่อว่า เป็นของขวัญที่ซื้อแล้ว เป็นเครื่องรางแห่งความโชคดี นำโชค ทำลายความชั่วร้าย เพื่อต้อนรับปีใหม่ ฮาโกอิตะ จะถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม วางขายเรียงราบรอบวัด คุณสามารถซื้อเก็บไว้เอง หรือซื้อฝากคนอื่นๆ ได้ นำไปตั้งโชว์ก็สวยงามไม่ใช่น้อย โดยงานนี้ มีต้นกำเนิดมาจากธรรมเนียมที่อยากให้หญิงสาวเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง นับตั้งแต่ยุคเมจิ หากคุณซื้อขายกับพ่อค้า คุณจะต้องเตรียมปรบมือตามจังหวะให้สอดคล้องกับพ่อค้า ถ้าเกิดสงสัยว่าทำอย่างไร แนะนำให้ดูคนซื้อก่อนหน้าคุณ
เทศกาลฤดูหนาว ฮาโกดาเตะ
ชื่อเทศกาล ภาษาอังกฤษ : Hakodate Winter Festival 2022
วันจัดงาน : วันที่ 1 ธันวาคม 2022 ถึง ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2023 **รอคอนเฟิร์ม**
สถานที่ : ย่านโมโตมาจิ (Motomachi), เนินฮาจิมัน-ซากะ (Hachiman-Zaka Slope), สวนโกเรียวคาคุ (Goryokaku Park) และโกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouses), เมืองฮาโกดาเตะ จังหวัดฮอกไกโด
การเดินทาง : **ข้อแนะนำ Hakodate City Tram ควรซื้อตั๋วรถรางแบบหนึ่งวัน ราคา 600 เยน สามารถขึ้นได้ไม่จำกัดเที่ยว/วัน หาซื้อได้ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว ภายในสถานี Hakodate แบบนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ตระเวณเที่ยวตามเส้นทางรถราง หรือถ้ามีบัตร Suica ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน จ่ายตอนลงรถราง ส่วนแบบนี้เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปสถานที่ต่างๆ เพียงไม่กี่แห่ง
- ย่านโมโตมาจิ – เริ่มต้นจากสถานี Hakodate ใกล้กันมีรถราง Hakodate City Tram ขึ้นที่สถานี Hakodate Ekimae ลงสถานี Jujigai
- เนินฮาจิมัน-ซากะ – เริ่มต้นจากสถานี Hakodate ใกล้กันมีรถราง Hakodate City Tram ขึ้นที่สถานี Hakodate Ekimae ลงสถานี Suehirocho แล้วเดินเท้าต่อประมาณ 250 เมตร
- สวนโงเรียวกาคุ – เริ่มต้นจากสถานี Hakodate ใกล้กันมีรถราง Hakodate City Tram ขึ้นที่สถานี Hakodate Ekimae ลงสถานี Goryokaku-Koen-Mae แล้วเดินเท้าต่อประมาณ 700 เมตร
- โกดังอิฐแดงคาเนะโมริ – ขึ้นรถที่สถานี Hakodate Ekimae ลงสถานี Jujigai แล้วเดินเท้าต่อประมาณ 450 เมตร
ฮาโกดาเตะ เป็นเมืองท่า ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเกาะฮอกไกโด เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป ที่มีความสวยงามมาก รวมถึงเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนสุดอลังการ วิวพาโนรามา ชวนน่าหลงใหล แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ สถานที่ท่องเที่ยวฮาโกดาเตะ) เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทุกมุมโลก
ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ ฮาโกดาเตะ ได้จัดกิจกรรมพิเศษ กับเทศกาลฤดูหนาว ฮาโกดาเตะ ที่ช่วยสร้างภาพลวงตา และความแปลกใหม่ กับงาน “Hakodate Illumination” ใน ย่านโมโตมาจิ ย่านเมืองเก่า ในบรรยากาศสุดวินเทจ เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ ที่มีความหมายในทางประวัติศาสตร์ โดยอาคารจะประดับตกแต่งไปด้วยไฟ ส่องสว่างในยามค่ำคืนที่สวยงาม ท่ามกลางอากาศหนาว
เนินฮาจิมัน-ซากะ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของจุดชมวิว ที่มีความสวยงามทุกฤดูกาล สามารถมองเห็นท่าเรือฮาโกดาเตะ ท้องทะเล ฉากหลังเป็นภูเขา สวยงามตระการตา อีกทั้งถนนเป็นสโลปทอดยาวลงไป จึงกลายเป็นจุดถ่ายรูปที่ดีที่สุด ในฤดูต้นไม้สองข้างทาง จะประดับประดาไปด้วยไฟ ส่องสว่าง ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก รวมถึงบริเวณอ่าวฮาโกดาเตะ อีกทั้งยังมีการจุดดอกไม้ไฟ ส่องสว่าง ท่ามกลางค่ำคืน ที่จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้จบ
หากต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย แนะนำให้ไปที่ ป้อมโงเรียวกาคุ สถานที่ท่องเที่ยวระดับเเลนด์มาร์คของฮาโกดาเตะ มีความสวยงามเเละสำคัญอย่างมากทั้งเชิงการท่องเที่ยวเเละประวัติศาสตร์ เรียกสั้นๆ ว่า ป้อมดาว 5 แฉก ในสมัยก่อนเป็นฐานตั้งปืนใหญ่ เพื่อปกป้องญี่ปุ่นจากชาติตะวันตก ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะ ในช่วงเดือนพฤษภาคม ดอกซากุระจะบานสะพรั่งเต็มสวน ส่วนในช่วงฤดูหนาว ก็จะประดับไฟสวยงาม ตามแฉกของดาว เสมือนดาวบนดิน
สุดท้าย โกดังอิฐแดง ซึ่งเป็นแลนมาร์คอีกแห่งของฮาโกดาเตะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำของอ่าวฮาโกดาเตะ เป็นแหล่งช็อปปิ้งและแฮงเอ้าท์ขึ้นชื่อของเมือง มีทั้งร้านเสื้อผ้าแฟชั่น คาเฟ่ ร้านอาหาร และสถานบันเทิงยามค่ำคืน ในช่วงฤดูหนาว วันที่ 1 – 25 ธันวาคม จะมีงาน Hakodate Christmas Fantasy จะมีการประดับประดาต้นคริสมาสต์ขนาดยักษ์ พร้อมกับขบวนซานตาครอส ที่มาสร้างความครื้นเครง
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม เดือนส่งท้ายปี ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก ท่ามกลางฤดูหนาว ทั้งแสงไฟประดับ ใบไม้เปลี่ยนสี ดอกไม้ไฟ และเทศกาลต่างๆ ที่ช่วยสร้างบรรยากาศ และประสบการณ์ดีๆ ให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เดือนธันวาคม จึงเป็นเดือนที่เหมาะแก่การไปเที่ยวญี่ปุ่นเลยนะ แต่อากาศเย็นมาก ควรเตรียมเสื้อกันหนาวไปให้พร้อมนะคะ และวางแผนการท่องเที่ยวดีๆ จะได้เที่ยวกันอย่างมีความสุขจ้าาาา
ถ้าชอบก็กดไลท์ ใช่ก็กดแชร์ หรือกดติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ : >>CheckInChill<< คอยติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก กับเช็คอินชิลล์กันด้วยนะคะ ขอบคุณค่า